บทสัมภาษณ์ นักเรียนทุน ร.ต.ท.นิตินัย เทพเทียน
บทสัมภาษณ์ ‘ร.ต.ท.นิตินัย เทพเทียน’ นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 71
ที่ได้รับทุนการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (คณะนิติวิทยาศาสตร์)
แนะนำตัวหน่อยค่ะ
สวัสดีครับ ผม ร้อยตำรวจโท นิตินัย เทพเทียน ชื่อเล่น แนน เป็น นรต.รุ่นที่ 71 ครับ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็น อาจารย์ (สบ 1) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะนิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดอรัม (Durham University) จากสหราชอาณาจักร โดยทุนการศึกษาจาก โรงเรียนนายร้อยตำรวจ (คณะนิติวิทยาศาสตร์) ครับ
หลักเกณฑ์ในการคัดเลือก ในการรับทุนการศึกษาคร่าวๆ ว่ามีหลักเกณฑ์ยังไงบ้าง
แนน : “ทุนการศึกษาที่ผมได้รับ คือ ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนนายร้อยตำรวจที่สำเร็จการศึกษาและมีผลการเรียนดี ซึ่งเป็นทุนการศึกษาที่ รร.นรต. เปิดรับสมัครเป็นประจำทุกปี โดยจะจัดสรรให้กับ ข้าราชการตำรวจที่สำเร็จการศึกษาจาก รร.นรต. ในหลักสูตร รป.บ.(ตร.) และเป็นผู้ที่มีอายุไม่เกิน 35 ปี (นับถึงวันที่ปิดรับสมัคร)
และมีคะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตร ไม่ต่ำกว่า 3.00 ที่สำคัญคือ จะต้องผ่านการทดสอบภาษาอังกฤษในส่วนของ TOEFL ไม่ต่ำกว่า 79 คะแนน ในระบบ Internet-based หรือ ผ่านการทดสอบภาษาอังกฤษ IELTS ไม่ต่ำกว่า 6.0 คะแนน ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่ายากมาก สำหรับผู้ที่เคยมีพื้นฐานทักษะภาษาอังกฤษไม่ดีมาก่อนอย่างผม แต่เชื่อว่าไม่ยากเกินความพยายามและความมุ่งมั่นตั้งใจจริงที่จะฝึกฝนและพัฒนาตัวเองในด้านนี้หรอกครับ”
ประสบการณ์ในการเรียนต่างประเทศเป็นยังไงบ้าง
แนน : “นับว่าเป็นประสบการณ์อันทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากผมได้มีโอกาสสร้างสัมพันธภาพกับเพื่อนๆ พี่ๆคนไทยและชาวต่างชาติในสายอาชีพที่หลากหลาย เช่น นักกฎหมาย นักธุรกิจ นักการตลาด ฯลฯ ทำให้โลกทัศน์ของผมถูกเปิดให้กว้างขึ้นจากโลกทัศน์ของสังคมของตำรวจที่เราคุ้นเคย อีกทั้งยังได้รับฟังแนวคิดและทัศนคติใหม่ๆที่เป็นประโยชน์จากเพื่อนๆ พี่ๆเหล่านี้มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ในด้านของการเรียน โดยส่วนตัวคิดว่าระบบการศึกษาในระดับ ป.โท ของประเทศอังกฤษ ค่อนข้างที่จะแตกต่างกับระบบการศึกษาของประเทศไทย คือ ครูผู้สอนจะมีบทบาทเป็นเพียง ผู้อำนวยการสอน (Facilitator) โดยเป็นผู้ที่แนะแนวทางในหัวข้อต่างๆ ให้กับผู้เรียนเท่านั้น ทำให้นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเองได้อย่างเต็มที่ แต่จะต้องเป็นความคิดเห็นที่มาจากการคิดที่เป็นระบบและมีเหตุผลที่เพียงพอมาสนับสนุน ทำให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ หรือที่เรียกว่า Critical thinking ซึ่งโดยส่วนตัวผมเชื่อว่าน่าจะเป็นทักษะที่สำคัญที่จะผลักดันให้สังคมเกิดการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงไปในทางทีดีขึ้นได้ ส่วนในด้านประสบการณ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ผมเองก็ได้มีโอกาสไปเยือน และศึกษาประวัติศาสตร์ของสถานที่ต่างๆของประเทศอังกฤษ ซึ่งบางแห่งเป็นสถานที่ที่อยู่ในฉากของภาพยนตร์ที่ ไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะได้มาสัมผัสกับตัวเอง เช่น ตรอกไดแอกอน ในเมืองยอร์ก ของประเทศอังกฤษ ที่เคยเห็นในภาพยนตร์เรื่อง แฮรี่ พอตเตอร์”
เตรียมตัวยังไงบ้างในการขอทุนการศึกษา
แนน : “สำหรับคนที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ไม่แข็งแรงแบบผม อาจจะต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวค่อนข้างนานสักหน่อย ตั้งแต่ยังเป็น นรต.ชั้นปีที่ 2 ผมจะใช้เวลาช่วงวันหยุดวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ไม่ติดภารกิจใดๆ ไปเรียนภาษาอังกฤษในย่านสยามสแควร์ แล้วก็เรียนเรื่อยมาจนกระทั่ง จบการศึกษาจาก รร.นรต. แต่อย่างไรก็ตามการการฝึก-ศึกษา ที่ รร.นรต. ก็จะต้องไม่ให้ได้รับผลกระทบด้วย ช่วงนั้นอาจจะเหนื่อยหน่อย แต่คิดว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นคุ้มค่ากับความเหนื่อยแน่นอนครับ”
การใช้ทุนการศึกษา เราต้องใช้ทุนยังไงบ้าง
แนน : เงื่อนไขของการใช้ทุน คือ จะต้องใช้ทุนเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 เท่าของระยะเวลาที่ไปศึกษา หรือเป็นไปตามเงื่อนไขที่ประกาศกำหนด ยกตัวอย่างเช่น หลักสูตรปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ มีระยะเวลาในการศึกษา 1 ปี ผมก็จะต้องกลับมาตอบแทนสถาบันโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ด้วยการใช้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี
อยากฝากอะไรถึงศิษย์เก่า และ นรต. ที่สนใจขอทุนเรียนต่างประเทศไหมคะ
แนน : การขอทุนไปเรียนต่างประเทศนั้น โดยส่วนตัวคิดว่าการกำหนดเป้าหมายและการวางแผนอย่างรอบคอบและเป็นระบบเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะการมีภาพเป้าหมายที่ชัดเจน จะทำให้เราสามารถเตรียมตัว หรือ วางแผนการใช้ชีวิตของเราคร่าวๆได้ว่าจะกำหนดให้เป็นไปในแนวทางใด ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดวิธีการต่อมาว่าการที่จะบรรลุเป้าหมายนั้นได้ จะต้องมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง และแต่ละขั้นตอนควรจะทำในช่วงใด จากนั้นผมก็จะนำเป้าหมายและขั้นตอนเหล่านั้น มาแบ่งเป็นเป้าหมายและวิธีการย่อยๆ เช่น ผมตั้งเป้าหมายหลักไว้ว่าหลังจบการศึกษาจาก โรงเรียนนายร้อยตำรวจแล้ว ผมจะขอทุนเพื่อที่จะไปศึกษาต่อต่างประเทศ ผมก็จะกลับมาวางแผนว่า ผมจะต้องใช้เวลาประมาณกี่ปีในการเตรียมตัว และแต่ละปีผมจะต้องทำอะไรบ้าง แล้วจึงแบ่งเป้าหมายและวิธีการให้เล็กลงมาจนถึงขั้นที่ว่า วันนี้เราจะทำอะไรได้บ้าง เพื่อที่จะทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าการวางแผนในรูปแบบนี้ ไม่ใช่จะนำไปใช้ได้เฉพาะกับการเตรียมตัวไปเรียนต่อต่างประเทศเท่านั้น แต่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการกำหนดเป้าหมายของชีวิตในด้านอื่นๆ เช่น เป้าหมายในด้านการเงิน เป้าหมายในด้านการทำงาน หรือแม้กระทั่งเป้าหมายในด้านสุขภาพของเรา ได้อีกด้วย